รู้จักประเภทของ ETF ที่เหมาะกับการลงทุนของคุณ

รู้จักประเภทของ ETF ที่เหมาะกับการลงทุนของคุณ

ระดับกลาง
May 06, 2025
คู่มือแนะนำประเภทของ ETF ยอดนิยม พร้อมวิธีเลือกกองทุนให้เหมาะกับเป้าหมายและสไตล์การลงทุนของคุณ

หากคุณกำลังมองหาวิธีลงทุนที่เรียบง่าย กระจายความเสี่ยงได้ดี และไม่ต้องใช้เวลาเลือกหุ้นรายตัวเอง ETF หรือ “กองทุนรวมดัชนี” ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ อาจเป็นคำตอบที่เหมาะกับการลงทุนของคุณ 

รูปแบบของกองทุน ETF ไม่ได้มีเพียงหุ้นเพียงประเภทเดียว เพราะแต่ละกองทุนถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์วัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักประเภทของ ETF ยอดนิยม พร้อมคำแนะนำเบื้องต้นว่ากองทุนแบบไหนเหมาะกับสไตล์ของคุณ

 


 

1. ETF ที่ลงทุนตามดัชนีตลาด (Index ETF)

เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ และนักลงทุนสาย DCA ที่เน้นผลตอบแทนระยะยาว

นี่คือประเภทของของ ETF ที่พื้นฐานที่สุด มีเป้าหมายในการลงทุนตามผลตอบแทนของดัชนี อย่าง S&P 500, NASDAQ-100 หรือ MSCI EAFE  คุณจะได้กระจายเงินลงทุนไปยังบริษัทขนาดใหญ่หลายตัวในคราวเดียว โดยไม่ต้องซื้อหุ้นทีละตัวโดยใช้เงินจำนวนมาก

ข้อดี: ค่าธรรมเนียมต่ำ การกระจายความเสี่ยงสูง
ข้อควรระวัง : กองทุนผันผวนตามตลาด ไม่มีการคัดหุ้นเชิงรุก ผลตอบแทนไม่เด่นในระยะสั้น และอาจกระจุกตัวในหุ้นใหญ่

กองทุนที่แนะนำ : 

  • SPY – SPDR S&P 500 (S&P 500 Index)
  • VOO – Vanguard S&P 500 (ค่าธรรมเนียมต่ำกว่า SPY)
  • VTI – Vanguard Total Stock Market (ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ)

 


 

2. ETF ที่ลงทุนตามกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector ETF)

เหมาะกับนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสเฉพาะในบางอุตสาหกรรม

Sector ETF จะเน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะ เช่น เทคโนโลยี พลังงาน การแพทย์ หรืออสังหาริมทรัพย์ เหมาะกับผู้ที่มีมุมมองเชิงกลยุทธ์ว่าอุตสาหกรรมใดจะเติบโตในระยะกลางถึงยาว

ข้อดี: โอกาสทำผลตอบแทนสูงหากเลือกอุตสาหกรรมถูกจังหวะ
ข้อควรระวัง: ความเสี่ยงจะสูงกว่าการลงทุนใน ETF แบบตลาดภาพรวม หากภาคส่วนของธุรกิจนั้นอยู่ในช่วงซบเซา

กองทุนที่แนะนำ : 

  • XLK – Technology (เทคโนโลยี)
  • XLV – Health Care (สุขภาพ)
  • XLF – Financial (การเงิน)
  • XLE – Energy (พลังงาน)

 

หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ช่วยให้เข้าถึงการลงทุนใน ETF หลากหลายกองทุนจากทั่วโลก พร้อมระบบที่รองรับการวางกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ IUX คือทางเลือกที่พร้อมสนับสนุนทุกก้าวของการลงทุนของคุณ

สมัครใช้งาน IUX วันนี้ เพื่อเริ่มต้นวางแผนการลงทุนใน ETF อย่างเป็นระบบและมีเป้าหมายชัดเจน

 


 

3. Thematic ETF (ETF ที่ลงทุนตามธีม)

เหมาะกับนักลงทุนที่เชื่อในเมกะเทรนด์ระยะยาว เช่น AI, พลังงานสะอาด หรือเทคโนโลยีชีวภาพ

กองทุนประเภทนี้เน้นลงทุนตามธีมที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคต เช่น รถยนต์ไฟฟ้า Metaverse หรือสุขภาพเชิงป้องกัน การเลือก Thematic ETF เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเกาะกระแสเทคโนโลยีใหม่ ๆ และยอมรับความผันผวนได้บ้าง

ข้อดี: โอกาสเติบโตสูงมากในอนาคต
ข้อควรระวัง: เทคโนโลยีบางอย่างอาจไม่ประสบความสำเร็จหรือใช้เวลานานกว่าจะทำกำไรได้จริง

กองทุนที่แนะนำ :

  • ARKK – ARK Innovation (นวัตกรรมล้ำยุค เช่น Tesla, AI)
  • ICLN – iShares Global Clean Energy (พลังงานสะอาด)
  • BOTZ – Robotics & AI

 


 

4. Dividend ETF (ETF ปันผล)

เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอ

Dividend ETF คือกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลสูงอย่างต่อเนื่อง เหมาะกับผู้ที่ต้องการรายได้ประจำจากการลงทุน หรือผู้ที่ใกล้เกษียณแล้ว

ข้อดี: มีรายได้สม่ำเสมอ กระจายความเสี่ยงในหุ้นปันผลหลายตัว
ข้อควรระวัง: ผลตอบแทนจากราคากองทุนอาจเติบโตไม่มากเท่ากองทุนอื่น

กองทุนที่แนะนำ :

  • SCHD – Schwab U.S. Dividend Equity
  • VYM – Vanguard High Dividend Yield
  • DVY – iShares Select Dividend

 


 

5. Bond ETF (ETF ตราสารหนี้)

เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความผันผวนของพอร์ตและเน้นความมั่นคง

Bond ETF ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรองค์กร ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่า ETF หุ้น เหมาะสำหรับการกระจายความเสี่ยงหรือปรับพอร์ตในช่วงที่ตลาดผันผวน

ข้อดี: ความผันผวนต่ำ ให้ผลตอบแทนที่แน่นอนมากขึ้น
ข้อควรระวัง: อาจให้ผลตอบแทนต่ำเมื่อเทียบกับ ETF หุ้น 


กองทุนที่แนะนำ :

  • BND – Vanguard Total Bond Market
  • TLT – iShares 20+ Year Treasury (พันธบัตรยาว)
  • LQD – Investment Grade Corporate Bonds

 


 

คู่มือการเลือกประเภท ETF ให้เหมาะกับการลงทุนของคุณ

การจะเลือก ETF ที่ใช่สำหรับคุณ ควรเริ่มจากการตั้งเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจน หลักการที่ควรพิจารก่อนเริ่มลงทุนมีดังนี้

  • คุณเน้นการลงุทนเติบโตหรือเน้นสร้างกระแสเงินสด?

  • คุณรับความเสี่ยงจากการได้มากแค่ไหน?

  • คุณอยากลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว?

จากนั้นจึงเลือกประเภทของ ETF ที่ตอบโจทย์การลงทุนของที่สุด ต่อจากนั้นต้องดูรายละเอียดเช่น AUM (ขนาดกองทุน), ค่าใช้จ่าย (Expense Ratio) และความเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง (Tracking Error) 

 


 

การเลือกกองทุนที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณลงทุนได้ตรงเป้าหมาย และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น ลองสำรวจตัวเองและเป้าหมายของคุณก่อน แล้ว ETF จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในแผนการลงทุนของคุณได้อย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน