
วิเคราะห์หุ้น IPO อย่างไร? เทคนิคดูหุ้นเข้าใหม่ ควรซื้อหรือรอก่อน
วิเคราะห์หุ้น IPO อย่างไร? เทคนิคดูหุ้นเข้าใหม่ ควรซื้อหรือรอดีกว่า
การลงทุนในหุ้น IPO กลายเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงนี้ เพราะหลายครั้งที่บริษัทน้องใหม่ที่เข้าตลาด สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจให้กับนักลงทุนได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน
หากเราตัดสินใจซื้อทันทีโดยไม่วิเคราะห์ข้อมูลให้รอบด้าน ก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดได้เช่นกัน ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในหุ้น IPO นักลงทุนจึงควรทำความเข้าใจทั้งเทคนิคการวิเคราะห์ และวิธีประเมินสถานการณ์ว่าควรเข้าซื้อทันที หรือรอจังหวะที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
หุ้น IPO คืออะไร? ทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนลงทุน
หุ้น IPO คือ หุ้นของบริษัทที่นำออกมาเสนอขายครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์ (Initial Public Offering) เป็นการเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อหุ้นของบริษัทได้เป็นครั้งแรก
หากมองให้ลึกขึ้น IPO ไม่ใช่แค่การนำหุ้นออกขายครั้งแรกเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัท เพราะการเข้าตลาดหุ้น หมายถึงการเปิดเผยข้อมูลการเงิน โครงสร้างผู้ถือหุ้น และแผนธุรกิจต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส
บริษัทที่เลือกที่จะทำการ IPO ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งจากหน่วยงานกำกับดูแลและนักลงทุนสถาบัน ซึ่งทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ การเป็นบริษัทมหาชนยังเปิดประตูสู่โอกาสในการระดมทุนรอบใหม่ในอนาคต และช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้บริษัทสามารถต่อยอดธุรกิจได้ง่ายขึ้นในเวทีระดับโลก
เทคนิควิเคราะห์หุ้น IPO ควรเลือกหุ้นเข้าใหม่อย่างไร?
การลงทุนในหุ้น IPO ต้องอาศัยการวิเคราะห์เฉพาะตัวในแต่ละบริษัท เพราะบริษัทเหล่านี้ยังไม่มีข้อมูลการซื้อขายในตลาดมาก่อน นี่คือเทคนิควิเคราะห์หุ้น IPO ที่นักลงทุนควรรู้
-
อ่าน Filing หรือหนังสือชี้ชวนลงทุนให้ละเอียด เพื่อเข้าใจข้อมูลพื้นฐานบริษัท
-
ประเมินศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินงาน
-
พิจารณาราคาขาย IPO ว่าสมเหตุสมผลหรือแพงเกินจริงหรือไม่
-
ตรวจสอบชื่อเสียงของบริษัทที่เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้น (Underwriter)
-
ดูแผนการที่บริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนไปใช้ และศักยภาพการสร้างกำไรในอนาคต
วิธีเลือกซื้อหุ้น IPO จึงไม่ใช่แค่ชื่อเสียง แต่ต้องประเมินความสามารถในการทำกำไรและความยั่งยืนของธุรกิจอีกด้วย
หุ้น IPO ควรซื้อหรือรอ?
นักลงทุนหลายคนสงสัยว่าควรรีบซื้อหุ้น IPO ตั้งแต่วันแรกที่เข้าตลาด หรือควรรอให้ราคานิ่งก่อน นี่คือคำแนะนำ:
-
ถ้าหุ้น IPO มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ราคาตั้งต้นสมเหตุสมผล และกระแสตอบรับดีจากนักลงทุนสถาบัน อาจ "ซื้อได้"
-
ถ้าเป็น IPO ที่ราคาตั้งสูงเกินจริง มีความเสี่ยงด้านธุรกิจ หรือกระแสตอบรับไม่แน่นอน ควร "รอให้ราคาปรับตัว" ก่อน
วิธีตรวจสอบความเสี่ยงของหุ้น IPO
ความเสี่ยงของบริษัทที่จะเข้า IPO มีวิธีการตรวจสอบได้ง่ายๆดังนี้
-
-
บริษัทขาดทุนต่อเนื่องหลายปี
-
ตลาดที่ทำธุรกิจมีการแข่งขันสูง หรือมีแนวโน้มชะลอตัว
-
การระดมทุนครั้งนี้อาจจะเพื่อการชำระหนี้ ไม่ได้ขยายกิจการ
-
ไม่มีข้อมูลการดำเนินงานย้อนหลังให้เปรียบเทียบเหมือนบริษัทจดทะเบียนรายอื่น
-
การดูหุ้น IPO เข้าใหม่ และวิธีสังเกตสัญญาณที่ควรซื้อ
วิธีการดูหุ้น IPO เข้าใหม่ที่น่าสนใจ สิ่งที่ควรควรสังเกตคือ
-
-
รายชื่อกองทุนและผู้ถือหุ้นที่เข้าลงทุนในการ IPO นั้น
-
ยอดจองซื้อหุ้นจากประชาชนและสถาบันอย่างมีนัยสำคัญ
-
มีบทวิเคราะห์เชิงบวกจากนักวิเคราะห์ชั้นนำ
-
5 ปัจจัยสำคัญในการเลือกหุ้น IPO ก่อนการลงทุน
ก่อนจะลงทุนกับหุ้น IPO นักลงทุนควรพิจารณาการดำเนินงานของบริษัทได้จาก 5 ปัจจัยนี้
-
ศักยภาพการเติบโตของบริษัทและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
ความสามารถในการทำกำไรในปัจจุบันและอนาคต
-
คุณภาพของทีมบริหารและประวัติการดำเนินงาน
-
การตั้งราคาขาย IPO เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม (P/E, P/B)
-
สภาพคล่องของหุ้นและแผนรองรับความผันผวนหลังเข้าตลาด
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือการวิเคราะห์สถานภาพทางการเงินของบริษัทที่จะนำหุ้นเข้า IPO เพราะต่อให้ธุรกิจดูน่าสนใจแค่ไหน หากฐานะการเงินไม่แข็งแรง ก็มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรตรวจสอบรายได้ กำไรสุทธิ หนี้สินต่อทุน และกระแสเงินสด ว่าบริษัทมีความสามารถทำกำไรและขยายกิจการได้จริงหรือไม่ รวมถึงดูแผนการใช้เงินที่ได้จาก IPO ว่าเน้นสร้างการเติบโตระยะยาวหรือไม่ เพื่อประเมินโอกาสและความเสี่ยงอย่างรอบด้าน
การลงทุนในหุ้น IPO ต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างมีระบบ ความรอบคอบ และเครื่องมือที่ไว้ใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นหรือการประเมินกระแสตลาดในช่วงเริ่มต้น
เริ่มต้นเส้นทางการลงทุนในหุ้น IPO กับ IUX แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างมีข้อมูลและสร้างพอร์ตที่เติบโตอย่างยั่งยืน
ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในหุ้น IPO
ข้อดีหุ้น IPO
-
มีโอกาสได้กำไรสูง หากเลือกหุ้นถูกตัว
-
เป็นเจ้าของกิจการตั้งแต่ต้น และอาจได้หุ้นในราคาต่ำกว่าตลาด
-
บางบริษัทเติบโตเร็ว ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าในเวลาไม่กี่ปี
ข้อเสียหุ้น IPO
-
ข้อมูลบริษัทมีจำกัด ทำให้วิเคราะห์ยากกว่าหุ้นที่อยู่ในตลาดนานแล้ว
-
ราคาหุ้นอาจผันผวนสูงในช่วงแรก
-
ความเสี่ยงที่บริษัททำผลงานไม่ตามเป้า มีมากกว่าหุ้นเก่า
วิธีติดตามการเติบโตของหุ้น IPO หลังการเข้าตลาด
หลังจากซื้อ IPO ไปแล้ว ควรการติดตามผลงานของบริษัท เพราะตัวเลขเหล่านั้นจะช่วยให้คุณรู้ว่าควรถือต่อ ขายทำกำไร หรือจำกัดการขาดทุน
วิธีการติดตามมีดังนี้
-
ติดตามข่าวสารการดำเนินธุรกิจและงบการเงินรายไตรมาส
-
เช็กการดำเนินแผนธุรกิจที่ทีมบริหารเคยสัญญาไว้ตอน IPO
-
สังเกตแรงซื้อ-ขายของนักลงทุนสถาบัน
-
ประเมินราคาหุ้นเทียบกับการเติบโตที่เกิดขึ้นจริง
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน