
ดัชนี (Index) กับ ETF ต่างกันยังไง? เปรียบเทียบแนวทางการลงทุนสำหรับมือใหม่
“ดัชนีหุ้น” คืออะไร
ดัชนีหุ้น คือ ตัวเลขที่ใช้แสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกลุ่มที่ว่านี้จะมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก เช่น เป็นหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หรือหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง
ตัวอย่างของดัชนีที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก เช่น
- S&P 500 ที่รวมบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ กว่า 500 แห่ง
- NASDAQ-100 ซึ่งเน้นกลุ่มเทคโนโลยี
- MSCI Emerging Markets ที่รวมกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
ดัชนีเหล่านี้ไม่สามารถลงทุนโดยตรงได้ เพราะเป็นเพียงตัวชี้วัดแนวโน้มของตลาด ไม่ใช่สินทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้ หากนักลงุทนต้องการลงทุนในดัชนี สามารถเลือกลงทุนผ่านเครื่องมือได้สองอย่างที่เรียกว่า Index Fund (กองทุนรวมดัชนี) และ ETF (Exchange Trade Fund)
แล้ว ETF และ กองทุนรวมดัชนี (Index Fund) คืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร?
- ETF (Exchange-Traded Fund) คือกองทุนที่ถูกออกแบบมาให้เลียนแบบผลตอบแทนของดัชนี เช่น หากต้องการลงทุนใน S&P 500 นักลงทุนสามารถซื้อ ETF ที่อิงกับดัชนีนั้นได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นทั้งหมดภายในดัชนีด้วยตัวเอง
ตัวอย่าง ETF ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เช่น
SPY – อ้างอิง S&P 500
QQQ – อ้างอิง NASDAQ-100
VWO – อ้างอิงดัชนีตลาดเกิดใหม่
ETF ช่วยให้การลงทุนในดัชนีเป็นเรื่องง่ายขึ้น ด้วยการให้นักลงทุนซื้อขายและเข้าออกได้เหมือนหุ้นทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์
- กองทุนรวมดัชนี (Index Fund) คือกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่มีนโยบายลงทุนให้ “เลียนแบบดัชนี” เช่น S&P 500, SET50, NASDAQ-100 หรือ MSCI World โดยจัดสรรสินทรัพย์ในพอร์ตให้ใกล้เคียงกับสัดส่วนของหุ้นในดัชนีนั้นมากที่สุด เพื่อให้ผลตอบแทนของกองทุนเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับดัชนี
เปรียบเทียบการลงทุนใน ETF และ Index Fund
ETF และกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) เป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีพื้นฐานแนวคิดเดียวกันคือ ลงทุนตามดัชนี โดยเน้นกระจายความเสี่ยงอัตโนมัติผ่านหุ้นหลายตัว และบริหารแบบ Passive คือไม่พยายามเอาชนะตลาด แต่เกาะไปกับทิศทางของดัชนี เช่น S&P 500 หรือ NASDAQ-100 ต่างกันเพียงในรายละเอียดเรื่องโครงสร้างและวิธีซื้อขาย
จุดที่เหมือนกันคือทั้ง ETF และ Index Fund จะลงทุนให้ใกล้เคียงกับดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุด ผลตอบแทนจึงมักใกล้เคียงกับดัชนีนั้น ๆ โดยไม่ต้องคัดเลือกหุ้นรายตัวเอง ค่าธรรมเนียมก็ต่ำกว่ากองทุนรวมแบบ Active เพราะไม่ต้องจ้างทีมวิเคราะห์หรือเปลี่ยนพอร์ตบ่อย ทำให้เหมาะกับการลงทุนระยะยาว
สิ่งที่ต่างกันคือ ETF ซื้อขายได้ทันทีในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้น สามารถเลือกจังหวะซื้อหรือขายระหว่างวันได้ ใช้พอร์ตหุ้นที่เปิดกับโบรกเกอร์ในการลงทุน ส่วน Index Fund จะซื้อขายได้แค่วันละครั้งตามราคาปิด (NAV) โดยทั่วไปซื้อผ่านแอปหรือธนาคารที่ให้บริการกองทุนได้เลย เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นลงทุนรายเดือนแบบ DCA หรือไม่สนใจเก็งกำไรระยะสั้น
อีกจุดที่ต่างคือ ETF มีค่าคอมมิชชั่นซื้อขายแบบเดียวกับหุ้น ส่วน Index Fund มักไม่มีค่าคอม แต่จะมีค่าบริหารรายปี (TER) สูงกว่า ETF เล็กน้อย ในเรื่องของขั้นต่ำ ETF มักเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 1 หน่วย (ขึ้นกับราคาตลาด) ขณะที่ Index Fund บางกองกำหนดขั้นต่ำ 500 หรือ 1,000 บาท และ Index Fund ก็สามารถตั้งซื้ออัตโนมัติรายเดือนผ่านแอปได้ง่ายกว่า
การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในดัชนี คือก้าวสำคัญในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่มั่นคงและกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ IUX มอบทางเลือกในการเข้าถึงการเทรด CFD บนดัชนีชั้นนำระดับโลก ช่วยให้นักลงทุนสามารถติดตามแนวโน้มของตลาดได้อย่างสะดวกและเป็นระบบ เปิดบัญชีกับ IUX วันนี้ เพื่อเริ่มต้นลงทุนระยะยาวอย่างมั่นใจ!
ลงทุนดัชนี (Index) กับ ETF แบบไหนดีกว่าสำหรับนักลงทุน
สำหรับใครที่เป็นนักลงทุนมือใหม่และกำลังตัดสินใจว่าควรเลือกเทรดดัชนีหรือ ETF ดีกว่ากัน ให้ลองพิจารณาเป้าหมายการลงทุนของตัวเอง การเริ่มต้นด้วย ETF หรือ Index Fund ต่างก็เป็นทางเลือกที่ดี ขึ้นอยู่กับความสะดวกและสไตล์การลงทุนของแต่ละคน
หากคุณต้องการความยืดหยุ่น ซื้อขายได้ตลอดวันแบบเรียลไทม์ ETF จะตอบโจทย์มากกว่า เพราะสามารถซื้อขายผ่านพอร์ตหุ้นได้ทันที เหมาะกับคนที่อยากควบคุมจังหวะลงทุนด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ดี การเลือก ETF อย่าง VOO หรือ SPY ที่อิงกับดัชนี S&P 500 ก็เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม หรือถ้าสนใจกลุ่มเทคโนโลยี QQQ ที่ตาม NASDAQ-100 ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ส่วนใครที่อยากกระจายไปตลาดเกิดใหม่ก็มี VWO หรือ EEM ให้เลือก
แต่ถ้าคุณต้องการลงทุนแบบง่าย ๆ ไม่อยากเฝ้ากราฟ ไม่ต้องกังวลเรื่องจังหวะซื้อขาย และเน้นลงทุนสม่ำเสมอระยะยาว Index Fund จะเหมาะมากกว่า เพราะสามารถซื้อผ่านแอปธนาคารหรือลงทุนอัตโนมัติรายเดือนได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดบัญชีหุ้น
อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมที่ใกล้เคียงกับ ETF และให้ผลตอบแทนที่แทบไม่ต่างกันในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น Index Fund ที่ตามดัชนี SET50, S&P 500 หรือ MSCI World ก็ช่วยกระจายความเสี่ยงและมีผลประกอบการตามไปกับการเติบโตของตลาดได้เช่นกัน สุดท้ายแล้ว ทั้ง ETF และ Index Fund ต่างก็เป็นเครื่องมือที่ดีในการสร้างพอร์ตที่มั่นคงในระยะยาว ขึ้นอยู่กับว่าแบบไหนเหมาะกับวิธีลงทุนของคุณมากที่สุด
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน