กลยุทธ์ Pair Trading, Hedge Trading และ Swing Trading สำหรับการเทรด CFD
กลยุทธ์ Pair Trading, Hedge Trading และ Swing Trading สำหรับการเทรด CFD
หลายคนที่เข้าตลาดมาเพื่อเทรด กลยุทธ์แรกที่จะใช้คือ การใช้ Indicators เพื่อที่จะหาสัญญาณในการเข้าเทรด แต่จริง ๆ แล้ว เรายังสามารถสร้างความได้เปรียบในการเทรดโดยใช้วิธีการอื่นๆ เพิ่มเติมได้ในตลาด CFD นั้นคือการใช้ กลยุทธ์ Pair Trading, Hedge Trading และ Swing Trading เข้าไปกับการเทรดของเราด้วย การผสมผสานกลยุทธ์ทั้งสามเข้าด้วยกันสามารถช่วยให้นักเทรดมีมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นในการวิเคราะห์และตัดสินใจเทรด ซึ่งเป็นที่มาที่เราเขียนบทความนี้ เพื่อเจาะลึกถึงวิธีการนำกลยุทธ์ทั้งสามมาประยุกต์ใช้ในการเทรด CFD
มาทำความเข้าใจเบื้องต้นการเทรด CFD ว่าคืออะไร?
การเทรด CFD หรือชื่อเต็มคือ Contract for Difference เป็นวิธีการลงทุนที่เป็นการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ต่างๆ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นจริงๆ แนวคิดหลักของ CFD คือการทำสัญญาระหว่างนักลงทุนกับโบรกเกอร์ เพื่อแลกเปลี่ยนส่วนต่างของราคาสินทรัพย์อ้างอิงระหว่างจุดเปิดและปิดสถานะ
ข้อดีของการเทรด CFD คือสามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง อีกทั้งยังใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อสินทรัพย์จริงเนื่องจากมีระบบเลเวอเรจ (อ่านเกี่ยวกับเลเวอเรจ)
อย่างไรก็ตาม การเทรด CFD มีความเสี่ยงสูงและต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในตลาดการเงินอย่างลึกซึ้ง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ฝึกฝนทักษะการวิเคราะห์ตลาด และมีแผนการบริหารความเสี่ยงที่ดีก่อนเริ่มต้นเทรด โดยกลยุทธ์ที่ใช้เทรด CFD มีอย่างหลากหลาย แต่ในวันนี้เราจะเน้นที่ 3 กลยุทธ์สำหรับการเทรด CFD คือ Pair Trading, Hedge Trading และ Swing Trading
ด้วย CFD คุณสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นตลาดขาขึ้นหรือขาลง และยังใช้ทุนเริ่มต้นน้อยกว่าด้วยเลเวอเรจ แต่เพื่อให้ประสบความสำเร็จ การเข้าใจตลาดและการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ IUX มอบประสบการณ์เทรด CFD ที่ครบวงจร รองรับกลยุทธ์อย่าง Pair Trading, Hedge Trading และ Swing Trading ด้วยสเปรดต่ำและฟีเจอร์การทำออเดอร์ในเวลาไม่ถึงวินาที ที่ช่วยคุณไม่ผลาดทุกโอกาส เปลี่ยนมาใช้ IUX แล้วเริ่มต้นการเทรดที่ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายของคุณ สมัครเลย!
กลยุทธ์ Pair Trading คืออะไร?
กลยุทธ์ Pair Trading เป็นเทคนิคการซื้อขายที่นักเทรดจะใช้ได้ดีในตลาด CFD เนื่องจากความยืดหยุ่นในการเปิดสถานะทั้งซื้อและขาย กลยุทธ์นี้ทำได้โดยเปิดสถานะซื้อและขายอีกหนึ่งสัญญาพร้อมกัน โดยทั้งสองสินทรัพย์มักอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือมีความสัมพันธ์ทางสถิติ เช่น หุ้น Apple กับ Microsoft หรือทองคำกับเงิน
แก่นของกลยุทธ์ คือ การหาประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างราคาของคู่สินทรัพย์ เมื่อความสัมพันธ์นี้เบี่ยงเบนไปจากปกติ นักเทรดจะเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่าและขายสินทรัพย์ที่มีราคาสูงกว่า โดยคาดว่าราคาจะกลับมาสู่ความสัมพันธ์ปกติในอนาคต
ข้อดีของ Pair Trading คือ เป็นกลยุทธ์ที่เป็นกลางต่อตลาด ช่วยลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวม อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดและติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด เพราะความสัมพันธ์ระหว่างคู่สินทรัพย์อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระทบ
กลยุทธ์ Hedge Trading คืออะไร?
ส่วนกลยุทธ์ Hedge Trading เป็นเทคนิคการบริหารความเสี่ยงที่นักเทรดใช้เพื่อป้องกันการขาดทุนในตลาดโดยการเปิดสถานะตรงข้ามกับการลงทุนหลัก วิธีนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เรียกว่า Premium ก็ตาม
ในการทำ Hedge นักเทรดมักใช้เครื่องมือทางการเงินประเภทอนุพันธ์ เช่น Options หรือ Futures เพื่อสร้างสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน
ข้อดีของการทำ Hedge คือ ช่วยลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่คาดคิด แต่ก็อาจทำให้กำไรที่อาจได้รับลดลงด้วยเช่นกัน ในตลาด CFD การทำ Hedge อาจทำได้โดยการเปิดสถานะ Short ในสินทรัพย์เดียวกันหรือสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กัน เพื่อชดเชยการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากสถานะ Long ที่มีอยู่
อธิบายเพิ่มเติม : การ Hedge คือกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้เพื่อลดความเสี่ยงหรือป้องกันการขาดทุนในการลงทุน เป็นการลงทุนในสินทรัพย์หรือตราสารทางการเงินที่มีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับการลงทุนหลัก ช่วยชดเชยผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนหลัก เป็นเสมือนการซื้อประกันให้กับการลงทุน เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด
กลยุทธ์ Swing Trading คืออะไร?
สำหรับกลยุทธ์ Swing Trading เป็นวิธีการเทรดที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงสั้นถึงปานกลาง โดยนักเทรดจะถือครองตำแหน่งตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงหลายสัปดาห์ วิธีนี้อาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก เพื่อหาจุดเข้าและออกที่เหมาะสม โดยดูจากรูปแบบกราฟและตัวบ่งชี้ต่างๆ
ข้อดีของ Swing Trading คือใช้เวลาในการเทรดน้อยกว่าการเทรดรายวัน ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัดในการติดตามตลาด แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงจากการถือครองข้ามคืนและข้ามสุดสัปดาห์
วิธีในการใช้ 3 กลยุทธ์มาประยุกต์ใช้ในการเทรด CFD
การใช้กลยุทธ์ทั้ง 3 เพื่อนำมาเทรด CFD จะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้อย่างมาก เราจะแนะนำ 3 กลยุทธ์หลักที่นักเทรดสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรด พร้อมทั้งวิธีการผสมผสานทั้ง 3 กลยุทธ์เข้าด้วยกันเพื่อสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ครอบคลุมและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
การใช้ Pair Trading ในการเทรด
-
เลือกคู่ CFD ที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น CFD ของหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือ CFD ของสกุลเงินที่มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ
-
เปิดสถานะซื้อ (Long) ใน CFD ที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่า และเปิดสถานะขาย (Short) ใน CFD ที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่แย่กว่า
-
กำหนดขนาดการเทรดที่เท่ากันทั้งสองฝั่งเพื่อสร้างการป้องกันความเสี่ยง (Hedge) และลดค่าธรรมเนียมการถือครองข้ามคืน
-
ปิดสถานะเมื่อราคาของทั้งสองสินทรัพย์กลับมาสู่ความสัมพันธ์ปกติ
การใช้ Hedge Trading ในการเทรด
-
ใช้ CFD เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนที่มีอยู่
-
เปิดสถานะ CFD ที่ตรงข้ามกับสถานะปัจจุบัน เช่น ถ้าถือหุ้นจริงอยู่ ให้เปิดสถานะขาย CFD ของหุ้นนั้น
-
ใช้ CFD ของสินทรัพย์อื่นที่มีความสัมพันธ์กันเพื่อป้องกันความเสี่ยง เช่น ใช้ CFD น้ำมันดิบเพื่อป้องกันความเสี่ยงของหุ้นบริษัทน้ำมัน
-
ปรับขนาดการเทรด CFD ให้เหมาะสมกับระดับการป้องกันความเสี่ยงที่ต้องการ
การใช้ Swing Trading ในการเทรด
-
ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อระบุจุดเข้าและออกที่เหมาะสม โดยใช้เครื่องมือเช่น Moving Averages, Bollinger Bands และ RSI
-
เปิดสถานะ CFD เมื่อเห็นสัญญาณของการเริ่มต้นแนวโน้มใหม่ และถือครองตำแหน่งเป็นเวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์
-
ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit เพื่อจำกัดความเสี่ยงและล็อคกำไร
-
ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของ CFD ที่เทรด
เราจะใช้ทั้ง 3 กลยุทธ์ร่วมกันอย่างไร?
ตัวอย่างการใช้ทั้ง 3 กลยุทธ์ร่วมกันในการเทรด เริ่มต้นด้วยการใช้ Swing Trading เพื่อระบุแนวโน้มของตลาดในระยะกลาง โดยใช้ Indicator เช่น Moving Averages และ RSI เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่เหมาะสม เมื่อเปิดสถานะแล้ว ใช้ Pair Trading เพื่อลดความเสี่ยงโดยเปิดสถานะตรงข้ามใน CFD ที่มีความสัมพันธ์กัน
เช่น หากเปิดสัญญา Long ของบริษัทน้ำมันหนึ่ง ก็ Short บริษัทน้ำมันอีกแห่งที่มีแนวโน้มจะมีผลประกอบการแย่กว่า สุดท้าย ใช้ Hedge Trading เพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติมโดยเปิดสถานะใน CFD ของสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง เช่น CFD ของน้ำมันดิบ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน
การปิดสัญญาและทํากําไรในกลยุทธ์ผสมผสานนี้ต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน เมื่อ Swing Trading ส่งสัญญาณว่าแนวโน้มกําลังจะเปลี่ยน เช่น RSI เข้าสู่เขต Overbought หรือ Oversold หรือราคาตัดผ่านเส้น Moving Average สําคัญ
นั่นคือจุดที่ควรเริ่มพิจารณาปิดสถานะ สําหรับ Pair Trading ให้ดูความแตกต่างของราคาระหว่างคู่สินทรัพย์ว่ากลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยหรือไม่ ส่วน Hedging position ควรปิดเมื่อความเสี่ยงที่ป้องกันไว้ลดลงหรือหมดไป ซึ่งเราจะทำกำไรได้จากส่วนต่างที่เกิดขึ้นของสินทรัพย์ที่เราซื้อที่เกิดขึ้นเป็น Gap ส่วนต่างของราคาสินทรัพย์