วัฏจักรของตลาดหุ้น: ทำความเข้าใจตลาดกระทิงและตลาดหมี เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุน

วัฏจักรของตลาดหุ้น: ทำความเข้าใจตลาดกระทิงและตลาดหมี เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุน

ระดับกลาง
Feb 18, 2025
ทำความเข้าใจวัฏจักรของตลาดหุ้น เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมี พร้อมกลยุทธ์ปรับพอร์ตให้เหมาะสมในทุกสภาวะตลาด

วัฏจักรของตลาดหุ้น: ทำความเข้าใจตลาดกระทิงและตลาดหมี เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุน

 

นักลงทุนทั้งมือใหม่และผู้เชี่ยวชาญหลายคนทราบกันดีแล้วว่าตลาดหุ้นไม่ได้เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวอย่างต่อเนื่อง แต่มันมักจะเป็นไปตามวัฏจักรทางเศรษฐกิจที่มีช่วงขึ้นและลงสลับกันตลอดเวลา ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองช่วงหลักๆ ที่นักลงทุนคุ้นเคยกันดี นั่นคือ ตลาดกระทิง (Bull Market) และตลาดหมี (Bear Market) วัฏจักรเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อมูลค่าของหุ้น ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และแนวโน้มของเศรษฐกิจโดยรวม การเข้าใจรูปแบบของตลาดในแต่ละช่วงจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนสายเทคนิค นักเก็งกำไรระยะสั้น หรือสายถือยาวแบบเน้นคุณค่า การอ่านแนวโน้มตลาดได้อย่างถูกต้องจะช่วยให้สามารถวางแผนและตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 


 

อะไรคือตลาดกระทิง (Bullish)

 

ตลาดกระทิงเป็นช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วไปนักวิเคราะห์มักให้นิยามว่าหากดัชนีปรับตัวขึ้นไม่น้อยกว่า 20% จากจุดต่ำสุดก่อนหน้า แสดงว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เศรษฐกิจในช่วงนี้มักเติบโตดี ธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่ในระดับสูง ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่หนุนให้ตลาดกระทิงเติบโต ได้แก่ นโยบายดอกเบี้ยต่ำที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใส นักลงทุนในช่วงตลาดกระทิงมักมีแนวโน้มถือหุ้นระยะยาวเพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการเติบโต โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี การเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งมักได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจขาขึ้น

แม้ตลาดกระทิงจะเป็นช่วงที่น่าลงทุนขนาดไหน แต่ก็มีความเสี่ยงจากฟองสบู่ที่เกิดจากการเก็งกำไร เพราะเมื่อใดที่นักลงทุนมีความมั่นใจในตลาดมากเกินไป ราคาหุ้นอาจถูกดันขึ้นไปเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้เมื่อถึงจุดหนึ่ง ตลาดเริ่มชะลอตัวและเกิดแรงเทขาย นำไปสู่การปรับฐาน หรือในบางกรณีอาจเข้าสู่ตลาดหมีในที่สุด

 


 

แล้วอะไรคือตลาดหมี (Bearish)

 

ในทางกลับกัน ตลาดหมีคือช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 20% จากจุดสูงสุดก่อนหน้า และมักเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว บริษัทต่างๆมีกำไรลดลง และนักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด ส่งผลให้เกิดแรงขายจำนวนมาก ซึ่งยิ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงไปอีก

ตลาดหมีมักเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น วิกฤตเศรษฐกิจ หรือปัจจัยเชิงลบอื่นๆ ที่ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะลดความเสี่ยงโดยเปลี่ยนจากสินทรัพย์เสี่ยงไปถือเงินสด หรือกระจายพอร์ตไปยังสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง เช่น พันธบัตร ทองคำ หรือหุ้นที่มีความมั่นคงสูง

การลงทุนในตลาดหมีจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากช่วงตลาดกระทิง หุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค อาหาร และเวชภัณฑ์ มักได้รับผลกระทบน้อยกว่าหุ้นในกลุ่มอื่น เนื่องจากสินค้าและบริการเหล่านี้ยังคงมีความจำเป็นต่อผู้บริโภคแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว นอกจากนี้ การใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging: DCA) ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดได้

เมื่อตลาดเข้าสู่ภาวะถดถอย นักลงทุนจำนวนมากมักตื่นตระหนกและตัดสินใจขายหุ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตลาดหมีมักเป็นช่วงที่หุ้นดีๆ มีราคาถูกลงมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน นักลงทุนที่มีความอดทนและมองภาพระยะยาวสามารถใช้โอกาสนี้สะสมหุ้นคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสมเพื่อรอการฟื้นตัวได้


 

จะรู้ได้อย่างไรว่าตลาดอยู่ที่จุดไหน

การระบุแนวโน้มตลาดสามารถทำได้โดยใช้ตัวชี้วัดสำคัญไม่ว่าจะเป็น ดัชนีตลาดหุ้น การเปลี่ยนแปลงของ GDP อัตราการจ้างงาน นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลาง และความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือตลาดกระทิง ดัชนีหุ้นมักปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง อัตราการจ้างงานสูง และเศรษฐกิจเติบโตดี แต่หากดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงเป็นเวลานาน ความเชื่อมั่นลดลง และมีสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย อาจหมายถึงตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงตลาดหมี

 

 

โดยทั่วไปแล้ว ตลาดกระทิงมักมีอายุเฉลี่ย 5-7 ปี ขณะที่ตลาดหมีมักกินเวลาสั้นกว่า โดยเฉลี่ย 9-18 เดือน อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของแต่ละรอบอาจแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจและสถานการณ์โลก เช่น วิกฤตการเงินปี 2008 ใช้เวลาหลายปีกว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัว ในขณะที่การปรับฐานในปี 2020 จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก่อนที่ตลาดจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง

 


 

สรุป

นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมักไม่พยายามจับจังหวะตลาด เพราะไม่มีใครสามารถทำนายได้อย่างแม่นยำว่าตลาดจะกลับตัวเมื่อไร กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการสร้างพอร์ตการลงทุนที่สามารถรับมือกับความผันผวนได้ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงตลาดกระทิงหรือหมี

ในตลาดกระทิง การเน้นลงทุนในหุ้นเติบโตสูงอาจช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี แต่การกระจายความเสี่ยงยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดโอกาสขาดทุนจากหุ้นที่อาจมีราคาสูงเกินไป ในขณะที่ตลาดหมี นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการปกป้องเงินทุน ลดการถือหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง และมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อรักษาความสมดุลของพอร์ต

สุดท้ายแล้ว การทำความเข้าใจวัฏจักรของตลาดและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน นักลงทุนที่มีวินัย อดทน และมองเห็นโอกาสแม้ในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน จะสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งและเติบโตได้ในระยะยาว

 

 

 

 

 

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน