Passive Investing และ Active Investing แตกต่างกันอย่างไร กลยุทธ์การลงทุนแบบใดที่ตอบโจทย์

Passive Investing และ Active Investing แตกต่างกันอย่างไร กลยุทธ์การลงทุนแบบใดที่ตอบโจทย์

ระดับกลาง
May 24, 2025
เปรียบเทียบ Passive และ Active Investing กลยุทธ์ไหนเหมาะกับเป้าหมาย ไลฟ์สไตล์ และความเสี่ยงของคุณมากที่สุด

Passive Investing และ Active Investing คืออะไร?

  • Passive Investing คืออะไร?

Passive Investing หรือการลงทุนแบบเชิงรับ เป็นแนวทางที่เน้นการลงทุนตามดัชนีตลาด เช่น S&P 500 หรือ MSCI World Index นักลงทุนจะไม่พยายามเลือกหุ้นรายตัว แต่ใช้กองทุนดัชนีหรือ ETF ที่ออกแบบให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับดัชนี การลงทุนแนวนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างพอร์ตในระยะยาว และไม่ต้องการเฝ้าตลาดบ่อย

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนแบบ Passive Investing ได้ที่บทความ Passive Investing  คืออะไร? 

  • Active Investing คืออะไร?

Active Investing หรือการลงทุนแบบเชิงรุก เป็นแนวทางที่นักลงทุนหรือผู้จัดการกองทุนจะวิเคราะห์ เลือกหุ้น หรือสินทรัพย์ที่คิดว่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด การจัดพอร์ตมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามภาวะเศรษฐกิจและทิศทางของตลาด

อ่านเพิ่มเติมแบบเจาะลึกเกี่ยวกับ Active Investing กับ Passive Investing

 


 

การลงทุนแบบ Passive และ Active มีอะไรบ้าง

การลงทุนแบบ passive หรือการลงทุนเชิงรับ ส่วนใหญ่จะเป็นที่นิยมของนักลงทุนที่ไม่มีเวลาเลือกหุ้นรายตัวหรือวิเคราะห์ตลาดมากนัก นักลงทุนส่วนใหญ่จึงเลือกลงทุนในรูปแบบของ กองทุน มากกว่าการลงทุนแบบ active หรือการลงทุนเชิงรุกที่จะเน้นไปที่กองทุนหรือหุ้นรายตัวที่มีอนาคตจะเติบโตได้สูงโดยเป้าหมายหลักคือ การเอาชนะตลาด

กองทุนแบบ Passive Fund มีอะไรบ้าง?

  • กองทุนดัชนีหุ้นโลก เช่น MSCI World, S&P 500
  • กองทุนตราสารหนี้ เช่น Bloomberg Global Bond Index
  • กองทุนทองคำ หรือ ETF ทองคำ เช่น SPDR Gold Shares

นักลงทุนหลายคนมักจัดพอร์ตในสัดส่วนโดยประมาณ เช่น 60% หุ้นโลก / 30% ตราสารหนี้ / 10% ทองคำ เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยม เพราะเข้าใจง่าย และครอบคลุม 3 สินทรัพย์หลักในการกระจายความเสี่ยง แนวทางนี้เรียกว่า 3-Asset Portfolio เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนแบบเรียบง่าย ถือยาว และปล่อยให้ตลาดทำงานแทนเรา 1

 

กองทุน Active Fund มีอะไรบ้าง?

การลงทุนแบบ Active นอกจากการซื้อหุ้นรายตัวแล้ว ยังมีสินทรัพย์อย่างกองทุนแบบ Active ซึ่งมีอยู่หลากหลายประเภท เช่น

  • กองทุนหุ้นเติบโต (Growth Fund) เช่น กลุ่มเทคโนโลยี หรือธุรกิจนวัตกรรม
  • กองทุนหุ้นคุณค่า (Value Fund) ลงทุนในหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน โดยหวังว่าจะปรับตัวขึ้นในระยะยาว
  • กองทุนผสม (Mixed Asset Fund) กระจายลงทุนทั้งหุ้นและตราสารหนี้

กองทุนเหล่านี้มีความเสี่ยงกว่าเพราะผู้จัดการกองทุนพยายามเลือกสินทรัพย์เพื่อเอาชนะตลาด ค่าใช้จ่ายจึงสูงขึ้น และพอร์ตมีโอกาสผันผวนมากกว่าแบบ Passive 2

 


 

ความแตกต่างระหว่าง Passive Investing และ Active Investing

Passive Investing คือการลงทุนในสินทรัพย์ที่ติดตามดัชนีตลาด เช่น S&P 500 หรือ MSCI World โดยไม่พยายามเลือกหุ้นรายตัว กลยุทธ์นี้เน้นการถือระยะยาว มี ค่าธรรมเนียมต่ำ ไม่ต้องปรับพอร์ตบ่อย และช่วยลดอิทธิพลของอารมณ์ในการตัดสินใจลงทุน เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนแบบเรียบง่ายและมั่นคง

นักลงทุนแบบ Passive มักใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar-Cost Averaging) คือการทยอยลงทุนจำนวนเงินเท่า ๆ กันในทุกเดือน เพื่อกระจายต้นทุน ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด และสร้างวินัยในการลงทุนระยะยาว

 

dca

 

ในทางกลับกัน Active Investing คือแนวทางที่เน้นการวิเคราะห์ตลาด คัดเลือกหุ้น ปรับพอร์ตตามสถานการณ์ เพื่อหวังสร้างผลตอบแทนที่ เหนือกว่าตลาด กลยุทธ์นี้อาจให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในบางช่วง แต่ต้องแลกมากับ ค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า ความผันผวนที่มากขึ้น และต้องใช้เวลา ตลอดจนความเชี่ยวชาญในการตัดสินใจ

ที่ IUX เราออกแบบแพลตฟอร์มให้เหมาะกับนักลงทุนทุกระดับตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่ติดตามดัชนีชั้นนำ เครื่องมือวิเคราะห์ที่ใช้งานง่าย ไปจนถึงระบบช่วยลงทุนอัตโนมัติ คุณสามารถเริ่มต้นลงทุนแบบ DCA ได้ภายในไม่กี่คลิก พร้อมกำหนดแผนการลงทุนรายเดือนตามเป้าหมายของคุณ

 สมัครและร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ IUX วันนี้ แล้วเริ่มสร้างพอร์ตของคุณไปกับเรา

 


 

ข้อดี-ข้อเสียของ Passive Investing และ Active Investing

ข้อดีของ Passive Investing

  • ค่าธรรมเนียมต่ำ

  • ไม่ต้องเฝ้าตลาดทุกวัน

  • เหมาะกับผู้ที่มีงานประจำหรือไม่มีเวลาวิเคราะห์หุ้น

  • ลดอารมณ์จากการตัดสินใจลงทุนผิดพลาด

ข้อเสียของ Passive Investing

  • ไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ในช่วงที่มีโอกาส

  • ต้องยอมรับการลงทุนในหุ้นทุกตัวที่อยู่ในดัชนี แม้บางตัวอาจไม่น่าสนใจ

ข้อดีของ Active Investing

  • มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตลาด

  • ปรับพอร์ตได้ตามสถานการณ์เศรษฐกิจ

  • เหมาะกับผู้มีทักษะการวิเคราะห์ขั้นสูง

ข้อเสียของ Active Investing

  • ค่าธรรมเนียมสูง

  • ความเสี่ยงในการตัดสินใจผิดพลาดจากอารมณ์หรือข้อมูลผิด

 


 

ลงทุน Passive Investing หรือ Active Investing แบบไหนดีกว่ากัน?

การเลือกระหว่าง Passive และ Active Investing ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะแต่ละแนวทางเหมาะกับคนที่มีเป้าหมายและวิธีคิดต่างกัน

  • ถ้าคุณเป็นมือใหม่ ไม่มีเวลาติดตามตลาด และมองการลงทุนระยะยาวเพื่อสะสมความมั่งคั่งอย่างมั่นคง  Passive Investing อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุด

  • แต่ถ้าคุณพร้อมศึกษาข้อมูล มีประสบการณ์ และรับความเสี่ยงได้ดี  Active Investing อาจสร้างโอกาสในการทำผลตอบแทนที่สูงกว่า

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญไม่ใช่เลือกแนวทางไหนดีกว่า แต่คือการเลือกให้ สอดคล้องกับตัวคุณเอง ทั้งเป้าหมายทางการเงิน ไลฟ์สไตล์ และความถนัดในการลงทุน

 

 

 

 

 

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน