
เริ่มลงทุน ETF ตัวแรกของคุณอย่างไรดี? ทริคการเลือกสำหรับนักลงทุนมือใหม่
ETF คืออะไร? และทำไมถึงเป็นทางเลือกยอดฮิตของนักลงทุนยุคใหม่
ETF คือกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่สามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีนโยบายที่จะลงทุนตาม “ดัชนีอ้างอิง”ของตลาดหุ้น หรือกลุ่มสินทรัพย์อื่นๆ เช่น หุ้น ทองคำ พันธบัตร น้ำมัน หรือแม้แต่การลงทุนเจาะจงเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีหรือบริษัทที่ทำเกี่ยวพลังงานสะอาด
หากจะมองง่าย ๆ ETF ก็จะคล้ายๆกับแพคเกจลงทุนแบบสำเร็จรูป ที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านการซื้อขายแบบเรียลไทม์บนตลาดหุ้น
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ETF จึงกลายเป็นทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความโปร่งใสในการลงทุน ใช้ต้นทุนต่ำ และเข้าถึงสินทรัพย์ระดับสากลได้ง่าย ๆ
ทำไมต้องเริ่มลงทุนจาก ETF เป็นอย่างแรก?
-
เพราะนักลงทุนมือใหม่ไม่ต้องวิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัวให้วุ่นวาย
-
สามารถลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงได้ตั้งแต่เริ่มต้น
-
ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการเริ่มลงทุน
-
มีคู่มือเลือกกองทุน ETF และข้อมูลของแต่ละกองทุนให้ศึกษาอย่างแพร่หลาย
ETF จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเริ่มต้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่
5 ทริคการเลือก ETF สำหรับมือใหม่ ที่ไม่อยากเสี่ยงลงทุนผิดทาง
1. เริ่มจากดัชนีที่เข้าใจง่ายและเป็นที่รู้จักของนักลงทุน
หากคุณยังใหม่มากกับโลกการเงินและการลงทุน ให้ลองมองหา ETF ที่อ้างอิงกับดัชนีที่คุณเคยได้ยินชื่อตามสื่อต่างๆอยู่แล้ว เช่น
-
S&P 500 (ดัชนีบริษัทชั้นนำสหรัฐฯ 500 บริษัท)
-
Nasdaq 100 (100 บริษัทเทคโนโลยีของตลาดหุ้นสหรัฐ)
-
MSCI World Index (ดัชนีหุ้นทั่วโลก)
การลงทุนในดัชนีเหล่านี้ช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมของตลาดได้ ก่อนขยับเงินลงทุนของคุณไปสู่ ETF ที่ลงทุนในแบบเฉพาะอุตสาหกรรมหรือสินทรัพย์เฉพาะกลุ่ม
2. ตรวจค่าใช้จ่ายให้ดี
ทุกกองทุนจะมีการเรียกเก็บค่าบริหารจัดการกองทุน (Expense Ratio) เป็นรายปี หนึ่งในเทคนิคการเลือก ETF คือเลือกกองทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ เพราะในระยะยาว ค่าธรรมเนียมสะสมจะส่งผลต่อผลตอบแทนคุณโดยตรง
ตัวเลขที่นักลงทุนควรมองหสคือกองทุนที่มี Expense Ratio ควรต่ำกว่า 0.5% ต่อปี
3. ดูสภาพคล่องของกองทุน
นักลงทุนควรเลือก ETF ที่มีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูง เพื่อให้คุณซื้อขายได้ง่าย ไม่โดนกดราคาเวลาจะเข้าหรือออกจากตลาด
เคล็ดลับง่าย คือ ดู “Bid-Ask Spread” ว่าราคาซื้อและขายห่างกันแค่ไหน ยิ่งห่างกันน้อยมากเท่าไหร่ แสดงว่าปริมาณการซื้อขายกองทุนนั้นค่อนข้างสูง
4. ตรวจสอบ AUM และ Tracking Error
-
AUM (Asset Under Management) แปลง่ายๆก็คือ มูลค่ารวมของทรัพย์สินที่กองทุนนั้นถืออยู่ ยิ่งขนาดกองทุนที่ใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งหมายถึงความมั่นคงของกองทุนนั้นมีสูง กองทุนที่น่าสนใจควรมี AUM 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป
-
Tracking Error คือ ระดับความคลาดเคลื่อนของผลตอบแทนเทียบกับตัวดัชนีที่กองทุนอ้างอิง ถ้าค่านี้ต่ำ แปลว่า ETF นั้นให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีอ้างอิงจริง ๆ และเหมาะกับการลงทุน
5. เลือกลงทุนตามกลุ่มธุรกิจที่คุณสนใจ
นอกจากลงทุนตามตลาดหุ้นใหญ่ หรือสินทรัพย์อื่นๆแล้ว มี ETF หนึ่งแบบที่เป็นที่นิยมของนักลงทุนเช่นกัน มันถูกเรียกว่า Thematic ETF (กองทุน ETF ลงทุนตามธีม หรือกลุ่มธุรกิจนั้นๆ) เช่น
-
เทคโนโลยี (เช่น ARKK, QQQ)
-
พลังงานสะอาด (เช่น ICLN, TAN)
-
อสังหาริมทรัพย์ (เช่น VNQ)
-
หุ้นปันผล (เช่น VYM, SDY)
เทรดแบบมืออาชีพด้วย IUX ไม่ว่าคุณจะต้องการวางกลยุทธ์กับกองทุน ETF หุ้น ทอง หรือสินทรัพย์ทั่วโลก ที่ IUX เรารองรับทุกการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตอบสนองทุกจังหวะในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
สมัครใช้งาน IUX วันนี้ เพื่อสัมผัสประสบการณ์การส่งคำสั่งระดับมืออาชีพ ที่ออกแบบมาสำหรับนักเทรดที่ต้องการความแม่นยำและปรับตัวได้ในสภาวะตลาดที่ผันผวน
ลงทุน ETF ให้เวิร์ค ต้องมีวินัยมากกว่าโชค
หลังจากเลือก ETF ตัวแรกได้แล้ว คุณต้องอย่าลืมว่าวิธีการลงทุน สำคัญไม่แพ้สิ่งที่คุณลงทุนไป
อีกวิธีการลงทุนที่เป็นที่นิยมสำหรับมือใหม่และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลในระยะยาวก็คือการลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) ซึ่งก้คือการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทยอยซื้อกองทุน ABC เดือนละ 10,000-50,000 บาท เพื่อสร้างวินัยและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
การลงทุนใน ETF ไม่ใช่ทางลัดการรวยเร็ว แต่มันคือความปลอดภัยสำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นสร้างพอร์ตแบบมีระบบ
แค่คุณเริ่มต้นจากสิ่งที่เข้าใจ เลือก ETF ที่เหมาะกับเป้าหมายของตัวเอง มีวินัยในการลงทุน และเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ อีก 5 ปีข้างหน้า คุณจะขอบคุณตัวเองที่เริ่มต้นลงทุนตั้งแต่วันนี้
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน