สเปรด (Spread) ในการซื้อขายคืออะไร? มาเข้าใจในบทความเดียว

สเปรด (Spread) ในการซื้อขายคืออะไร? มาเข้าใจในบทความเดียว

ผู้เริ่มต้น
Dec 02, 2024
การเทรดยังมีจุดเล็กๆ ที่คุณต้องระวัง ไม่ว่าจะค่าทำเนียมในการเทรด หรือไม่ก็ค่าสเปรด (Spread) ที่อาจทำให้คุณกำไรหรือขาดทุนโดยไม่รู้ตัว

สเปรด (Spread) ในการซื้อขายคืออะไร? มาเข้าใจในบทความเดียว

 

หลายคนอาจจะเข้าใจว่า การเทรดแค่เราซื้อถูก-ขายแพง มีส่วนต่างก็สามารถทำกำไรได้ แต่จริงๆ การเทรดยังมีจุดเล็กๆ ที่คุณต้องระวัง ไม่ว่าจะค่าทำเนียมในการเทรด หรือไม่ก็ค่าสเปรด (Spread) ที่อาจทำให้คุณกำไรหรือขาดทุนโดยไม่รู้ตัวจากการที่คุณไม่ได้คำนวณให้ดีก่อน เปิด-ปิด Position ซึ่งบทความในวันนี้จะทุกคนไปทำความเข้าใจกับสเปรดเพื่อให้การเทรดของคุณไม่มีความเสี่ยงที่ขาดทุนจากตัวแปรเล็กๆนี้

 

 

สเปรด (Spread) คืออะไร?

สเปรด  (Spread)  หมายถึงความแตกต่างระหว่างราคาที่เราสามารถซื้อ (Ask) และราคาที่เราสามารถขาย (Bid) สินทรัพย์นั้นๆ ได้ในขณะนั้น เปรียบเสมือนค่าธรรมเนียมแฝงที่ผู้เทรดต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์หรือผู้ให้บริการ ยิ่งสเปรดกว้างมากเท่าไหร่ ต้นทุนในการเทรดก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้กำไรที่คาดหวังลดลง การเข้าใจเรื่องสเปรดจึงช่วยให้ผู้เทรดสามารถวางแผนกลยุทธ์และคำนวณผลตอบแทนได้แม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ ขนาดของสเปรดยังสะท้อนถึงสภาพคล่องและความผันผวนของตลาดในช่วงเวลานั้นๆ อีกด้วย โดยทั่วไปคู่เงินหลักมักมีสเปรดแคบกว่าคู่เงินรอง เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายสูงกว่า

 

ประเภทของสเปรด (Spread) แบบใดบ้าง

สเปรด โดยทั่วไปแล้วมีอยู่สองประเภทหลัก ทั้งสองแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและความชอบส่วนตัวของแต่ละคน บางคนชอบความแน่นอนของสเปรดคงที่ ในขณะที่บางคนอาจชื่นชอบความยืดหยุ่นของสเปรดแปรผัน ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน

 

  • สเปรดคงที่ (Fixed spread)

เปรียบเสมือนร้านค้าที่ติดป้ายราคาแน่นอน ไม่ว่าตลาดจะคึกคักหรือเงียบเหงาแค่ไหน ราคาก็ยังคงเดิม สเปรดแบบนี้มักพบในโบรกเกอร์แบบ Market Maker ข้อดีคือเราสามารถคาดการณ์ต้นทุนการเทรดได้ล่วงหน้า แต่อาจไม่สะท้อนสภาพตลาดจริงในบางช่วงเวลา

 

  • สเปรดแปรผัน (Variable spread)

คล้ายกับร้านค้าที่ปรับราคาตามความต้องการของลูกค้า ในช่วงที่ตลาดคึกคัก สเปรดอาจแคบลง แต่หากตลาดผันผวน สเปรดก็อาจกว้างขึ้น สเปรดแบบนี้มักพบในโบรกเกอร์แบบ ECN ข้อดีคือสะท้อนสภาพตลาดจริงได้ดีกว่า แต่อาจทำให้คาดการณ์ต้นทุนได้ยากกว่า

 

 

ทำไมเราต้องรู้จักสเปรด

สเปรดเป็นหนึ่งในเรื่องที่นักเทรดทุกคน ควรจะเข้าใจ เพราะสเปรดเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนที่เราต้องจ่ายในการซื้อขาย โดยเป็นค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บจากเรา สเปรดส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรขาดทุนในการเทรดของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเทรดบ่อยครั้ง ยิ่งเราเทรดถี่มากเท่าไหร่ ผลกระทบของสเปรดก็จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ สเปรดยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่เราควรพิจารณาเมื่อมองหาโบรกเกอร์ที่เหมาะสม โบรกเกอร์ที่เสนอสเปรดต่ำกว่าจะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในการเทรดได้มากกว่า ซึ่งอาจทำให้เรามีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น

 

 

เราจะใช้ประโยชน์จากค่าสเปรดอย่างไรได้บ้าง 

เราสามารถเริ่มจากการเลือกช่วงเวลาเทรดที่เหมาะสม โดยมุ่งเน้นไปที่ช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง เช่น เวลาที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน ซึ่งมักมีสเปรดแคบกว่าช่วงอื่น ๆ นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญก็ช่วยลดความเสี่ยงจากสเปรดที่กว้างขึ้นได้ อีกวิธีหนึ่งคือการเน้นเทรดคู่สกุลเงินหลักที่มีสภาพคล่องสูง อย่าง EUR/USD ซึ่งมักมีสเปรดแคบกว่าคู่สกุลเงินรอง การปรับกลยุทธ์การเทรดให้เข้ากับสเปรดก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง โดยเฉพาะสำหรับการเทรดระยะสั้น ที่ต้องตั้งเป้าหมายกำไรให้มากกว่าค่าสเปรด ส่วนการเทรดระยะยาวนั้น ผลกระทบของสเปรดจะน้อยลง ทำให้สามารถตั้งเป้าหมายกำไรที่ไกลขึ้นได้

 

 

ช่วงเวลาที่ค่าสเปรดมักจะสูง

 

  • ช่วงเวลาที่ตลาดของคู่สกุลเงินไม่ได้เปิดพร้อมกัน
    เมื่อตลาดของสกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่งในคู่สกุลเงินที่เราเทรดยังไม่เปิดทำการ มักจะทำให้เกิดสเปรดที่สูงกว่าปกติ

  • ช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องต่ำ
    โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดหลักๆ ยังไม่เปิดทำการ เช่น ช่วงกลางคืนหรือช่วงเช้าตรู่ตามเวลาไทย สภาพคล่องที่ต่ำทำให้สเปรดกว้างขึ้น

  • ช่วงเวลาที่มีการประกาศข่าวสำคัญทางเศรษฐกิจ
    ในช่วงที่มีการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ความผันผวนของตลาดจะสูงขึ้น ส่งผลให้สเปรดกว้างขึ้นอย่างมาก

  • ช่วงเปิด-ปิดตลาด
    ในช่วงเวลาเปิดหรือปิดตลาดของแต่ละภูมิภาค อาจทำให้เกิดความผันผวนและสเปรดที่สูงขึ้นได้

  • ช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจหรือการเมือง
    เหตุการณ์ไม่คาดคิดหรือวิกฤตต่างๆ อาจทำให้ตลาดผันผวนและสเปรดสูงขึ้น



วิธีลดผลกระทบจากสเปรดสูง

เราสามารถบรรเทาผลกระทบนี้ได้ด้วยวิธีการต่างๆ เริ่มจากการหาโบรกเกอร์ที่เสนอสเปรดต่ำ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในทุกๆ การเทรด นอกจากนี้ การเลือกเวลาเทรดก็มีส่วนสำคัญ โดยควรเน้นช่วงที่ตลาดคึกคัก เช่น เมื่อลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน เพราะสภาพคล่องสูงมักทำให้สเปรดแคบลง ในทางกลับกัน ควรหลีกเลี่ยงการเทรดช่วงมีข่าวสำคัญ เนื่องจากความผันผวนอาจทำให้สเปรดบานปลาย อีกทางเลือกที่น่าพิจารณาคือบัญชีแบบ ECN ที่คิดค่าคอมมิชชั่นแทนสเปรด ซึ่งอาจเหมาะกับนักเทรดที่ทำธุรกรรมบ่อยครั้ง



ท้ายบทความ

การเข้าใจเรื่องสเปรด (Spread) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ เพราะสเปรดเป็นต้นทุนแฝงที่ส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรขาดทุนในการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เทรดบ่อยครั้งหรือเทรดระยะสั้น เราควรทำความเข้าใจกับประเภทของสเปรด ทั้งแบบคงที่และแปรผัน เพื่อที่จะเลือกโบรกเกอร์ ให้เข้ากับกลยุทธ์การเทรดของเราได้