วิเคราะห์การเทรด forex อย่างไร? ด้วยการใช้เทคนิค price action

วิเคราะห์การเทรด forex อย่างไร? ด้วยการใช้เทคนิค price action

ผู้เริ่มต้น
Apr 08, 2025
เรียนรู้วิธีวิเคราะห์ตลาดฟอเร็กซ์ด้วย Price Action ระบุแนวโน้ม ระดับราคาสำคัญ และจุดเข้าเทรด ด้วยเทคนิคเรียบง่ายที่ไม่ใช้อินดิเคเตอร์

การเทรด Forex ด้วย Price Action คืออะไร? (เพิ่มเติม)

 

เทรดเดอร์มือใหม่หลายคนอาจหลีกเลี่ยงการใช้อินดิเคเตอร์ในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดในการเทรด forex เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก และหลายคนเลือกที่จะใช้การดูเพียงแค่ "ราคา" หรือ "Price Action "ของตลาดแทน

หนึ่งในแนวคิดหลักของการเทรด forex โดยใช้ Price Action คือไอเดียของนีกลงทุนที่มองว่า ตลาด แสดงอารมณ์ของเทรดเดอร์ผ่านกราฟราคา โดยเฉพาะในตลาดที่มีสภาพคล่องสูงอย่าง forex การเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละช่วงเวลา จึงสะท้อนพฤติกรรมของทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายได้อย่างชัดเจน

การเทรด forex ด้วยเทคนิค Price Action จะไม่เน้นการพึ่งพาอินดิเคเตอร์ แต่เน้นการสังเกตรูปแบบของกราฟแท่งเทียน ความยาวของไส้เทียน พื้นที่ที่ราคามักมีปฏิกิริยา และจุดที่แสดงถึงความลังเลหรือการกลับตัวของราคา ซึ่งช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

 


 

พื้นฐานการเทรด forex ด้วย price action 

การอ่านพฤติกรรมจากรูปแบบแท่งเทียน

กราฟแบบแท่งเทียนไม่ใช่เพียงแค่รูปแบบของการดูกราฟราคาสดเพื่อใช้ในการวิเคราะห์การเทรด forexเท่านั้น แต่การการอ่านพฤติกรรมราคาจากรูปแบบกราฟแท่งเทียนยังสะท้อนถึง “แรงซื้อขาย” ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นได้อย่างดี 

โดยรูปแบบของกราฟแท่งเทียนต่างก็มีความหมายเฉพาะตัวในการแสดงการเคลื่อนไหวของราคา เช่น

 

  • Pin Bar : เป็นแท่งเทียนที่มีไส้ยาวชัดเจนด้านใดด้านหนึ่ง และตัวแท่งสั้นอยู่ด้านปลายฝั่งตรงข้าม ลักษณะนี้แสดงถึงแรงปฏิเสธราคาที่ไม่สามารถผ่านแนวรับหรือแนวต้านได้ แรงขายหรือซื้อมักจบลงด้วยการพาราคากลับไปยังทิศทางเดิม

 

  • Engulfing : เกิดจากแท่งเทียนที่มีขนาดใหญ่กลืนแท่งก่อนหน้าไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อเกิดบริเวณโซนที่ราคาพักตัวหรือกลับทิศ การเปลี่ยนแรงจากฝั่งหนึ่งไปสู่อีกฝั่งมักเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในลักษณะนี้

 

  • Doji : มีลักษณะราคาปิดและเปิดเกือบเท่ากัน แท่งเทียนนี้บ่งบอกถึงความไม่ชัดเจนในทิศทาง แรงซื้อและขายสูสีกันจนราคาสุดท้ายไม่ไปไหน บางครั้งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อเกิดหลังการเคลื่อนไหวที่รุนแรง

 

รูปแบบของกราฟแท่งเทียนเหล่านี้ไม่ได้มีความหมายมากนักหากเกิดขึ้นแบบลอยๆ กลางกราฟราคาโดยไม่มีบริบทรองรับ เช่น ไม่อยู่ใกล้แนวรับแนวต้าน หรือไม่เกิดหลังจากราคามีแรงเคลื่อนไหวชัดเจนมาก่อน 

แต่ถ้ารูปแบบของกราฟแท่งเทียนเหล่านี้เกิดในบริเวณที่ราคามักมีปฏิกิริยาแรง เช่น แนวรับที่เคยเด้งกลับหลายครั้ง หรือแนวต้านที่ถูกทดสอบซ้ำๆ แรงซื้อหรือขายมักจะกลับมาอีกครั้ง และรูปแบบแท่งเทียนในจุดเหล่านี้สามารถทำหน้าที่เป็นสัญญาณยืนยันได้ว่าตลาดกำลังตอบสนองต่อระดับราคานั้นอีกครั้ง

ในบางจังหวะ เช่น Pin Bar ที่มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูง หรือ Engulfing ที่เกิดหลังแนวโน้มเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ รูปแบบเหล่านี้ไม่ใช่แค่สะท้อนอารมณ์ตลาดระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นจุดเปลี่ยนของแนวโน้มที่นักเทรดสามารถใช้วางแผนจัดการความเสี่ยงจากการขึ้นลงครั้งใหญ่ได้ชัดเจนขึ้น

 


 

การบริหารความเสี่ยงแบบ price action trader

การเทรด forex ด้วย Price Action ไม่ใช่แค่การมองหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำ แต่รวมถึงการวางแผนจัดการความเสี่ยงให้รอบคอบด้วย โดยเฉพาะเรื่องของอัตราส่วนกำไรต่อความเสี่ยง (Risk : Reward Ratio) ที่ควรอยู่ในระดับที่คุ้มค่า เช่น เสี่ยง 1 ส่วน เพื่อหวังกำไรอย่างน้อย 2 ส่วน

ยกตัวอย่างการคำนวณ

  • สมมติเข้าซื้อที่ราคา 1.2000
  • ตั้ง Stop Loss ที่ 1.1970 (ความเสี่ยง 30 จุด)
  • ตั้ง Take Profit ที่ 1.2060 (เป้ากำไร 60 จุด)
  • อัตราส่วน = 1:2

การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และเป้าหมายกำไร (Take Profit) ควรอิงจากพฤติกรรมของราคา ไม่ใช่ตั้งแบบสุ่ม ตัวอย่างเช่น

  • วาง Stop Loss ไว้ใต้ปลายไส้ของ Pin Bar หากเป็นออร์เดอร์ BUY
  • วาง Take Profit ไว้ที่แนวต้านถัดไปหรือจุดที่ราคาเคยกลับตัว

 

หากคุณเป็นนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ Price Action  และกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์  IUX คือทางเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ ด้วยการเข้าถึงคู่สกุลเงินหลักได้โดยตรง ใช้งานง่าย สั่งซื้อขายได้รวดเร็ว พร้อมเครื่องมือกราฟที่เหมาะกับสาย Price Action โดยเฉพาะ เริ่มต้นเทรดกับ IUX วันนี้ เพื่อยกระดับการวิเคราะห์และวางแผนการเทรดของคุณให้แม่นยำยิ่งขึ้น!

 


 

เทรด Forex ด้วยการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดโดยใช้ price action

ทำความเข้าใจลักษณะของแนวโน้มตลาดก่อนลงมือเทรด forex

การดูแนวโน้มการเทรด ไม่ใช่แค่ดูว่าราคาเคลื่อนไหวขึ้นหรือลง แต่ต้องพิจารณาด้วยว่าแนวโน้มนั้นยังมีแรงต่อเนื่องอยู่หรือไม่

  • แนวโน้มแข็งแรง: ราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวต่อเนื่อง แท่งเทียนมีขนาดยาวและมีแรงชัดเจน

  • แนวโน้มอ่อนแรง: การเคลื่อนไหวเริ่มแผ่วลง แท่งเทียนสั้นลง มีการแกว่งตัวมากขึ้น และเริ่มเข้าใกล้กรอบแนวรับแนวต้าน

  • แนวโน้มกำลังเปลี่ยน: เริ่มเห็นแท่งเทียนที่บ่งบอกความลังเล เช่น Doji หรือแท่งที่มีไส้ยาวทั้งสองด้าน ราคาขึ้นลงสลับในช่วงแคบ

 


 

วิเคราะห์โครงสร้างตลาดก่อนเทรด forex Price Action บอกอะไรเรา?

การวิเคราะห์โครงสร้างตลาด คือ การสังเกตว่าราคากำลังสร้างรูปแบบแบบไหนบนกราฟราคา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเทรด forex ด้วยเทคนิค price action เพราะมันแสดงให้เห็นถึงทิศทาง ความต่อเนื่อง หรือแม้แต่สัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม

  • แนวโน้มขาขึ้น : ตลาดจะสร้าง “จุดสูงใหม่” (Higher High) และ “จุดต่ำใหม่” ที่อยู่สูงขึ้น (Higher Low) อย่างต่อเนื่อง หมายความว่าแรงซื้อยังคุมตลาดอยู่ ตลาดยังมีแนวโน้มไปต่อ
  • แนวโน้มขาลง : แนวโน้มนี้ ราคาจะค่อยๆ ทำ “จุดต่ำใหม่” ที่ต่ำลงเรื่อยๆ (Lower Low) และ “จุดสูงใหม่” ที่อยู่ต่ำกว่าเดิม (Lower High) สะท้อนว่าแรงขายเริ่มกดดันตลาด และฝั่งซื้อไม่สามารถดันราคาให้กลับขึ้นไปได้

  • การเปลี่ยนโครงสร้าง มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มยาวๆ ที่เริ่มหมดแรง เช่น เมื่อราคาไม่สามารถสร้าง Higher High ได้อีก หรือเมื่อราคาทะลุแนวรับ/แนวต้านสำคัญที่เคยรองรับไว้ โครงสร้างจะเริ่ม “ผิดรูป” และอาจเป็นจุดเริ่มของแนวโน้มใหม่

 

สิ่งที่นักเทรดหลายคนมองหาไม่ใช่แค่การวิ่งของราคา แต่คือจุดที่โครงสร้างเริ่มเปลี่ยน เพราะนั่นคือช่วงที่ตลาดเริ่มไม่แน่ใจ ทิศทางใหม่อาจกำลังก่อตัว และเป็นจังหวะที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับการเข้าเทรด

 


 

เทคนิคเสริม: การเทรด forex ด้วยเทคนิค price action แบบหลาย Timeframe

การเทรด Forex ด้วยเทคนิค Price Action แบบหลาย Timeframe เป็นการวิเคราะห์กราฟจากหลาย Timeframe ซึ่งช่วยให้เห็นภาพตลาดในมิติต่างๆ ชัดเจนขึ้น เพราะแต่ละช่วงเวลาจะให้ข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน ทั้งแนวโน้มใหญ่ พื้นที่กลับตัว และจุดเข้าออเดอร์ที่แม่นยำ เช่น

  • Timeframe ใหญ่ อย่าง H4 หรือ D1 แสดงแนวโน้มหลักของตลาด เป็นภาพรวมว่าราคากำลังเคลื่อนไปในทิศทางไหน เช่น ขาขึ้น ขาลง หรือแกว่งในกรอบ

  • Timeframe กลาง อย่าง H1 หรือ M30 ใช้ดูบริเวณที่ราคามักมีการเปลี่ยนทิศทาง เช่น โซนแนวรับแนวต้าน หรือบริเวณที่ราคาเริ่มชะลอ

  • Timeframe เล็ก อย่าง M15 หรือ M5 เหมาะสำหรับดูจังหวะเข้าออเดอร์ในรายละเอียด เช่น จุดที่ราคาเบรกออกจากกรอบ หรือแท่งเทียนที่แสดงแรงซื้อแรงขายชัดเจน

เมื่อมอง Price Action แบบหลาย Timeframe ร่วมกัน จะเห็นทั้งภาพกว้างและรายละเอียดเล็กที่ซ้อนกันอยู่ในตลาดเดียวกัน การวางแผนหรือพิจารณาแต่ละจุดจึงอิงกับทั้งแนวโน้มและพฤติกรรมราคาที่เกิดขึ้นจริงในหลายมิติ

 

 

 

 

 

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน