
Leverage คืออะไร? เข้าใจวิธีการใช้ Leverage อย่างถูกต้องในโลกการเงิน
Leverage คืออะไร?
Leverage หรือ "เลเวอเรจ" คือแนวคิดในการลงทุนที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปิดสถานะซื้อขายที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนที่ตัวเองมีจริงได้ เปรียบเสมือนการ “ยืม” เงินลงทุนจากโบรกเกอร์ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อหรือขยายโอกาสในการทำกำไรให้มากขึ้น
ตัวอย่างง่าย ๆ:
หากคุณมีเงินทุน (Margin) เพียง 100 ดอลลาร์ แต่เลือกใช้ Leverage 1:100 คุณสามารถเปิดสถานะซื้อขายที่มีมูลค่าสูงถึง 10,000 ดอลลาร์ได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องมีเงินครบตามจำนวนนั้นจริง ๆ 1
Margin คืออะไร?
Margin (มาร์จิ้น) คือจำนวนเงินสดที่นักลงทุนหรือนักเทรดต้องฝากไว้กับโบรกเกอร์ เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการเปิดคำสั่งซื้อขาย โดยเงินจำนวนนี้ไม่ได้เป็นค่าซื้อสินทรัพย์ทั้งหมด แต่เป็นเพียง "เงินวางมัดจำ" ที่ทำให้คุณสามารถควบคุมสถานะการเทรดที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนจริงที่มีอยู่
- หากคุณต้องการเปิดคำสั่งซื้อขายมูลค่า $10,000 โดยใช้ Leverage 1:100 คุณจะต้องวาง Margin เพียง $100 เท่านั้น
- โบรกเกอร์จะใช้เงิน Margin นี้เป็นหลักประกันว่า หากเกิดการขาดทุน ระบบจะสามารถหักเงินจากพอร์ตของคุณได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด
ความแตกต่างระหว่าง Leverage กับ Margin
-
Leverage = อัตราส่วนที่บอกว่าเรายืมได้มากน้อยแค่ไหน (เช่น 1:100)
-
Margin = เงินสดที่ต้องใช้เพื่อเปิดการเทรดนั้น
ตัวอย่างการใช้ Leverage แบบเข้าใจง่าย
- สมมติว่าคุณมีเงินทุนเริ่มต้น $100 และเลือกใช้ Leverage ที่อัตราส่วน 1:100
หมายความว่าคุณสามารถเปิดสถานะซื้อขายสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงถึง $10,000 ได้ทันที
- หากราคาของสินทรัพย์ที่คุณถืออยู่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1%
มูลค่าพอร์ตของคุณจะเพิ่มขึ้น $100 ซึ่งเท่ากับผลตอบแทน 100% จากเงินทุนที่คุณลงทุนจริง
- ในทางกลับกัน หากราคาลดลงเพียง 1%
มูลค่าพอร์ตของคุณก็จะลดลง $100 เช่นกัน ซึ่งอาจทำให้เงินทุนทั้งหมดหายไปในพริบตา
ประเภทของ Leverage ในตลาดต่าง ๆ
Leverage เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายตลาดการเงิน โดยเฉพาะในตลาด Forex ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่ใช้ Leverage สูงที่สุดในบรรดาตลาดหลัก ๆ ทั่วโลก บางโบรกเกอร์เสนอ Leverage สูงถึง 1:2,000 ทำให้นักเทรดสามารถเริ่มต้นซื้อขายด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย แต่หากขาดการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ก็อาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างรวดเร็วได้เช่นกัน
สำหรับตลาดทองคำ Leverage ที่ใช้มักอยู่ในระดับปานกลาง เช่น 1:100 หรือ 1:200 ซึ่งยังคงให้โอกาสในการขยายสถานะการเทรดได้พอสมควร โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทองคำมีความเคลื่อนไหวรุนแรง จึงกลายเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนสายเก็งกำไร 2
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ :Leverage ในตลาดทองคำ: ทำไมถึงเป็นที่นิยม?
ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มักจำกัดการใช้ Leverage อย่างเข้มงวด โดยบัญชี Margin ทั่วไปจะอนุญาตให้ใช้ Leverage ได้ราว 1:2 เท่านั้น เพื่อควบคุมความเสี่ยงของนักลงทุนรายย่อยและรักษาเสถียรภาพของตลาด
ขณะที่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) มีการนำเสนอ Leverage ในระดับสูงเช่นกัน เช่น 1:50 หรือ 1:100 อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของราคาคริปโตที่สูงผิดปกติ ทำให้การใช้ Leverage ในตลาดนี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีกระดับ นักลงทุนจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง และพิจารณาแผนการบริหารความเสี่ยงอย่างจริงจังก่อนเปิดสถานะ
อ่านเพิ่มเติม: การเปรียบเทียบ Leverage ในตลาดต่าง ๆ
ข้อดี-ข้อเสียของ Leverage
ข้อดีของ Leverage
-
เพิ่มขนาดของออเดอร์ได้โดยไม่ต้องใช้ทุนจำนวนมาก
-
เพิ่มโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้นแม้ราคาขยับเล็กน้อย
-
ช่วยให้เทรดเดอร์ได้เรียนรู้ตลาดการเงินได้ง่ายด้วยทุนเริ่มต้นที่ไม่มาก
ข้อเสียของ Leverage
-
มีความเสี่ยงขาดทุนสูงมาก หากใช้อัตราส่วนสูง
-
หากควบคุม Position size ไม่ดี อาจโดนล้างพอร์ตได้ในไม่กี่วินาที
-
มีค่า Swap หรือดอกเบี้ยสำหรับคำสั่งที่ถือข้ามคืน (ในบางตลาด)
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Margin Call ซึ่งก็คือการแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์ว่าบัญชีของคุณมีทุนไม่พอ หากไม่เติมเงินเพิ่ม ระบบจะปิดคำสั่งอัตโนมัติเพื่อจำกัดการขาดทุนที่เกินกว่าที่บัญชีคุณมี
หากคุณต้องการแพลตฟอร์มที่ช่วยให้คุณบริหาร Leverage อย่างมืออาชีพ ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ทุกระดับของนักลงทุน ให้ IUX เป็นหนึ่งในทางเลือกของคุณ ด้วยฟังก์ชั่นที่ช่วยคุณควบคุมขนาดของออร์เดอร์ การตั้ง Stop Loss / Take Profit ได้แม่นยำ พร้อมทีมงานคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร ก็สามารถเทรดด้วย Leverage ได้อย่างมั่นใจ
สมัครเทรดกับ IUX วันนี้ แล้วเปลี่ยน Leverage ให้เป็นเครื่องมือสร้างโอกาสของคุณ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Leverage ในการทำกำไรจริงในตลาดการเงิน
- 1,000 ล้านดอลลาร์ ในวันเดียว: โซรอสใช้ Leverage อย่างไร?
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ ใช้ Leverage ในการลงทุนหรือไม่?
- 10 นักลงทุนที่ใช้ Leverage ทำกำไรได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
กลยุทธ์การใช้ Leverage อย่างปลอดภัย
วิธีบริหารความเสี่ยงเมื่อใช้ Leverage
-
กำหนดขนาด Position อย่างเหมาะสม (เช่น ใช้เพียง 1-2% ของบัญชีต่อหนึ่งการเทรด)
-
กระจายพอร์ตลงทุนไปในหลายสืนทรัพย์
-
ใช้ Stop Loss ทุกครั้ง
-
วางแผนการจัดงานการเงินทุนของคุณให้ชัดเจน เช่น ตั้งต่าการเก็บกำไร (Take Profit) หรือตั้งค่าระดับขาดทุนที่ยอมรับได้ก่อนเข้าเทรด3
Leverage กับการลงทุนระยะยาว
ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่า Leverage เหมาะกับการลงทุนระยะยาวหรือไม่ หลายฝ่ายมองว่า Leverage ควรใช้เฉพาะระยะสั้น เพราะตลาดมีความผันผวนสูง หากถือคำสั่งนานอาจเสี่ยงขาดทุนจากราคาที่แกว่งแรงเกินคาด อีกทั้งยังมีต้นทุนแฝง เช่นค่า Swap สำหรับคำสั่งข้ามคืน ซึ่งอาจสะสมจนกระทบผลตอบแทนโดยรวม ดังนั้น หากไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี Leverage จึงเหมาะกับกลยุทธ์ระยะสั้นมากกว่าการถือครองระยะยาว
อ่านเพิ่ม: การลงทุนระยะยาวด้วย Leverage: ความเสี่ยงหรือความคุ้มค่า?
สรุป
แม้ Leverage จะช่วยเร่งสร้างผลกำไรจากการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถขยายความเสียหายได้เช่นกันหากใช้โดยปราศจากแผนการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การเริ่มต้นด้วย Leverage ในระดับต่ำ พร้อมฝึกฝนวินัยการบริหารพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ คือก้าวแรกที่ปลอดภัยในการเรียนรู้โลกการเงิน และสร้างรากฐานที่มั่นคงในระยะยาว
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน